DELL Perc S140 Driver Windows Server 2019

ผมไม่ค่อยได้ติดตั้ง Windows ลง Physical Server ของ Dell คราวนี้ใช้ Perc S140 ปรกฏว่า Windows 2019 ไม่รู้จัก, แผ่น Windows ที่มากับ Server ก็ไม่รู้จัก, ใช้ Life Cycle ก็ไม่รู้จัก คิดว่าคงต้องโหลด Driver มาใช้ เลยต้องติดตั้งด้วย USB พร้อม Copy Driver ลงไปด้วย หลังจากโหลด Driver ก็เห็น Harddisk ติดตั้ง Windows ได้ปกติ

Download: https://www.dell.com/support/home/en-th/drivers/driversdetails?driverid=8xhfp เลือก SAS_RAID_DRIVER_WS2019_S140_5.4.1-0001_A00_ZPE.exe ถอด zip แล้ว copy ใส่ Thumbdrive ที่ใช้ติดตั้ง Windows

เลือก Monitor ให้ตรงกับสเปคคอมพิวเตอร์

ผมไม่เคยใช้ Gaming Monitor มาก่อน ปกติก็ต่อกับจอทีวี 40 นิ้ว ใช้ทำงานด้วย เล่นเกมด้วย ส่วนใหญ่ก็เล่นเกมแข่งรถกับ Logitech G29 ส่วนสเปคคอมพ์ก็ไม่ได้แรงอะไร Ryzen 5 2600 + GTX 1660 + SSD 480 + RAM 16GB ช่วงนี้อยากได้จอเล็กลงซัก 27 กำลังดี แล้วก็งงกับสเปคจอ เลยต้องลองเขียน Requirement ขึ้นมาก่อนจะได้ไม่งง

  1. Design, ราคา, จอโค้งหรือจอแบน, HDR, มีลำโพง, มีแจ็คหูฟัง, ปรับหมุนจอ, ปรับความสูงต่ำ, ปรับก้มเงย, ยึดผนัง แต่ละรุ่นจะมีไม่เหมือนกัน
  2. ประเภทจอ (IPS, VA, TN) จอ IPS สีกับมุมมองดีที่สุด Respond Time แย่ที่สุด, จอ VA ค่า Contrast ดีที่สุดอย่างอื่นจะกลางๆ, TN ค่า Refresh Rate และ Respond Time สูงสุด ส่วนสีแย่สุด ผมว่า IPS น่าใช้สุดภาพสวย
  3. ความละเอียดจอ (Resolution) (1920×1080, 2560×1440, 3840×2160) อันนี้ก็ต้องเอาสเปคเครื่อง CPU + GPU + Game Performance (Ultra, High, Medium, Low) มาเทียบกับเกมว่าระดับไหนที่ FPS ไม่ต่ำกว่า 60 ข้อนี้ผมใช้เว็บช่วยคำนวนให้โดยเลือก CPU, GPU ที่เราใช้ก่อน แล้วไปเลือก Game Performance ดูอีกทีว่าระดับไหนที่ไม่ต่ำกว่า 60 FPS (เช็คได้ที่เว็บนี้ https://www.gpucheck.com/graphics-cards)
  4. Refresh Rate (144hz, 165hz, 240hz) เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับเกมที่คุณเล่น CPU + GPU + Game Performance + Resolution ว่าได้ FPS สูงสุดเท่าไหร่ ก็เลือกจอที่ Refresh สูงกว่านั้น
  5. Adaptive-Sync จะปรับ Refresh Rate จอให้เท่ากับ FPS ขึ้นอยู่กับใช้ GPU อะไร nvidia หรือ AMD ถ้าเป็น AMD จอส่วนใหญ่จะรองรับ FreeSync แต่ถ้าเป็น nvidia คุณต้องดูที่เป็น G-Sync หรืออย่างน้อยก็ G-Sync Compatible (รองรับ GTX 10 Series ขึ้นไป) ซึ่งมีไม่เยอะและแพงกว่า ถ้าคุณเอาจอ FreeSync ที่ไม่ Compatible มาใช้กับ nvidia อาจจะใช้ได้หรืออาจจะมีปัญหา (รายชื่อจอที่รองรับ G-Sync https://www.nvidia.com/en-us/geforce/products/g-sync-monitors/specs/)

เมื่อได้คำตอบทั้ง 4 ข้อนี้ก็จะได้จอที่พอดีกับสเปคคอมพ์แล้วครับ มาดูของผมว่าต้องซื้อจอแบบไหน ผมเล่นเกมแข่งรถก็เลยเน้นที่ F1 2019, Need For Speed: Heat แล้วก็ Forza Horizon 4

Ultra+FHD ผมว่าระดับนี้กำลังพอดี FPS สูงสุด 74.9

Ultra+QHD FPS ต่ำกว่า 60 ใช้ไม่ได้แล้วครับ

High+FHD เล่นได้ทุกเกม FPS สูงสุด 123.4

High+QHD เล่นได้ทุกเกม FPS สูงสุด 91.9

สรุปจากสเปคคอมพ์ของผม

  • ผมควรซื้อจอ FHD ที่ 144hz ซึ่งพอดีกับสเปคคอมพ์ที่ผมใช้อยู่
  • ถ้าผมซื้อจอ QHD มาผมก็เปิด Ultra ไม่ได้
  • จอ LG 27GL650F-B ได้ตามสเปค เป็น G-Sync Compatible และมี HDR แต่ไม่ใช่จอโค้งครับ ราคาประมาณ 8,700 บาท

Remote Desktop Connection Manager (RDCMan) discontinues

Remote Desktop Connection Manager หรือ RDCMan เป็น Software จาก Microsoft ออก Version สุดท้ายเมื่อปี 2014 และเลิก Support ไปเมื่อ มีนาคม ปี 2020 โดย Microsoft แนะนำให้ไปใช้ Remote Desktop บน Windows แทน เพราะรองรับความสามารถใหม่ๆ มากกว่า

แต่สิ่งที่ Remote Desktop มาแทนที่ RDCMan ไม่ได้คือความเรียบง่าย และความสะดวกตอนที่ต้อง Remote ไปครั้งละมากกว่า 1 เครื่องสลับไปมา แต่ก็ยอมรับว่าเคสแบบนี้เกิดขึ้นน้อย

มาดูว่า RDCMan ทำอะไรได้บ้าง

หน้าตาเรียบๆ แบ่ง Server เป็นกลุ่มตาม User/Password ที่ใช้ Login ได้

สร้าง Profile สำหรับ User แต่ละคนเพื่อนำไปใช้กับ Group หรือ Server

นำ Profile มาใส่ใน Group ก็จะทำให้ Server ใน Group ทั้งหมดไม่ต้อง Login ตอนใช้งาน

สลับเครื่องไปมาง่าย เพราะเห็น List Server อยู่ด้านซ้าย

นอกจากนี้ไฟล์ Config เรา Copy ไปเครื่องอื่นได้ แต่ต้องใส่ Password ทั้งหมดใหม่เพื่อความปลอดภัย ส่วนประเด็นสำคัญที่คนใช้ RDCMan คือเป็น Software จาก Microsoft เลยรู้สึกมั่นใจกว่าไปใช้ 3rd Party Software

Software Free ที่มาใช้แทน RDCMan ได้ดี มี Connection หลายอย่างในที่เดียว เช่น VNC, SSH, Telnet, HTTPS ซึ่งน่าจะช่วยเราจัดการงาน Remote ได้แทบจะทุกอย่างในบริษัทคือ mRemoteNG

mRemoteNG ผมเพิ่งลองใช้งานก็สะดวกดี และสำหรับคนที่ใช้ RDCMan อยู่แล้วก็ Import เครื่องเข้ามาได้เลย จากรูปผม Import เครื่องมาจาก RDCMan
Download: https://mremoteng.org/

School Infrastructure

โครงสร้างทาง IT ที่โรงเรียนต้องมี
ขอแชร์ประสบการณ์ ที่ได้วางระบบและดูแลระบบให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่งมีจำนวนนักเรียนประมาณ 4,000 + ทำให้รู้สึกว่าโรงเรียนก็เหมือนกับบริษัทซึ่งมีทั้งบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดของโรงเรียนจะมีผลกับความซับซ้อนของระบบ IT ภายใน

สิ่งแรกที่ต้องมีไม่ว่าจะโรงเรียนขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่คือระบบ Network ซึ่งจะเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ เชื่อมโยงตึกต่างๆของโรงเรียนเข้าหากันเพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน รวมถึงเชื่อมต่อ Internet ให้สามารถค้นคว้าแลกเปลี่ยนข้อมูลไปยังภายนอก ระบบ Network เปรียบได้กับเส้นเลือดของคน ถ้าคนมีเส้นเลือดที่แข็งแรงและดีก็จะสามารถส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนได้อย่างราบรื่น ส่งผลให้อวัยวะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ระบบ Network ก็เช่นกันถ้าโรงเรียนมีระบบ Network ที่ดีก็จะสามารถติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในโรงเรียนและรวมไปถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน Internet ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย และยังต้องมีการแบ่งกลุ่มของ network ครู บุคลากร และ นักเรียนแยกกัน เพราะคงไม่อยากให้ ห้องคอมนักเรียนเอาไวรัสมาแพร่ให้กับเครื่องคอมของบุคลากรที่ใช้การบริหารงาน โรงเรียนจนไม่สามารถใช้งานได้

ระบบป้องกันการใช้งาน Internet (Firewall) ในปัจจุบัน Internet แทบจะมีผลต่อการดำรงชีวิตของเราในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นการค้นคว้าหาข้อมูล ส่ง e-mail ซึ่งข้อมูลบน Internet มีทั้งข้อมูลที่ดีมีประโยชน์ และ ข้อมูลที่ไม่ดีเป็นอันตรายต่อนักเรียน โรงเรียนจึงต้องมีระบบป้องกันคัดกรองข้อมูลที่มีประโยชน์มาให้นักเรียนและครูได้ใช้งาน

ระบบการจัดการผู้ใช้งานในโรงเรียน (Active Directory) เป็นระบบรวบรวมผู้ใช้ทั้งหมดในโรงเรียน โดยจะสามารถแบ่งผู้ใช้ออกเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีสิทธิ์การใช้งาน การเข้าถึงข้อมูลได้แตกต่างกัน

ระบบเก็บข้อมูลส่วนกลาง (Network Attached Storage : NAS) มีไว้เพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆของโรงเรียน รวมถึงข้อมูลที่ครูหรือบุคลากรทำขึ้น ไม่ต้องเก็บไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เพื่อให้สะดวกต่อการค้นหา นำไปใช้ และยังสามารถ backup ข้อมูลดังกล่าวเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายได้จากส่วนกลาง

ระบบ e-mail ของโรงเรียน ครูและบุคลากรมีการใช้ e-mail ที่เป็นของโรงเรียนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่บุคคลภายนอกว่าได้ติดต่อกับครูหรือบุคลากรของโรงเรียนจริงๆ ไม่ได้มีใครมาแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของโรงเรียน และยังสามารถมี e-mail ให้กับนักเรียนทุกคนได้อีก โดยที่นักเรียนสามารถใช้ e-mail นี้ในการเรียนการสอน เช่นส่งการบ้าน ส่งงาน รวมไปถึงการเรียนการสอน online ได้อีกด้วย

สนใจปรับปรุง วางระบบ IT ของโรงเรียนติดต่อได้ครับ