Install Windows XP SATA

วิธีติดตั้ง Windows XP 1 | วิธีติดตั้ง Windows XP 2 | วิธี ติดตั้ง Windows XP บน Hard disk SATA

การติดตั้ง Windows XP ในปัจจุบันนี้ยากขึ้นมาก และจะยากขึ้นไปอีกในอนาคต
เหตุผล

  1. ผู้ผลิตเริ่มไม่มี Driver สำหรับ Windows XP ให้ หรือไม่มีแม้แต่ให้ Download ต้องหาเองจากรุ่นอื่นที่ใช้ Hardware เหมือนกัน และมี Driver สำหรับ Windows XP
  2. ปัจจุบัน Harddisk เป็น SATA ซึ่งส่วนใหญ่แผ่น Windows XP จะไม่รู้จัก AHCI SATA Controller วิธีแก้คือต้องโหลด Driver มาแล้วติดตั้งโดยต้องมี Floppy Disk หรือเพิ่ม Driver ที่โหลดมาใส่เข้าไปในแผ่น Install Windows XP (หรือบางคนใช้แผ่น Windows ละเมิดลิขสิทธิ์ที่ได้เพิ่ม Driver จำนวนมากเข้ามา และตัด feature บางอย่างออกไป เช่น Windows Update เพื่อป้องกันการตรวจสอบเครื่องผู้ใช้จาก Microsoft จากประสบการณ์การใช้แผ่นเหล่านี้ ทำให้การใช้งานมีปัญหามาก) Continue reading “Install Windows XP SATA”

Dell Inspirol 1320 Install Windows XP

ญาติเอา notebook Dell Inspirol 1320 มาให้ช่วยติดตั้ง Windows XP ให้ ซึ่งใน Dell.com ไม่มี Driver Windows XP ให้ download จนไปเจอเว็บภาษาจีนที่มี Driver ให้ download โดยใช้ Google Translate แปลให้ว่าแต่ละตัวคืออะไร

ไฟล์ที่ต้องใช้

P108829 – Unknown Device (ID PNP032)
R197393 – NIC
R197652 – Bluetooth
R202361 – Intel 5100 wireless
R208109_ati4330_714 – VGA
R215959_idt_714 – Audio
R220802 – wireless select
R220803 – Chipset
R222440 – CardReader

แต่ติด Driver 1394 Net Adapter ที่ยัง Alert อยู่

อ้างอิง xiaoan87

Oracle RAC on VI3.5 upadate 3

ลูกค้าต้องการติดตั้ง Oracle RAC 10g r2 บน VI3.5 u3 ปัญหาที่เจอคือหลังจากติดตั้ง Clusterware เสร็จแล้ว Node จะ Restart เรื่อย ๆ ลองทั้ง Windows 2003 และ Centos4 ก็ไม่สามารถติดตั้งได้ แต่รู้สึกว่า MSA 1500 ที่ใช้อยู่จะมีปัญหา จึงลองติดตั้ง VI3.5 u3 ใหม่อีกชุดบน MSA1000 ที่ไม่ได้ใช้งาน ปรากฏว่า RAC ใช้งานได้ปกติ

จึงแจ้งเคลมไปทาง HP แต่ทาง HP ให้ Update Firmware ของ MSA1500 ก่อน จึงแจ้งให้ลูกค้าทำการ Backup VM ทั้งหมดที่อยู่บน VI3.5 u3 ซึ่งมีอยู่เกือบ ๆ 40 VM รู้สึกว่าจุดอ่อนอย่างหนึ่งของ Virtualization ก็คือ Storage ต้อง Stable และควรจะมี Backup ไว้ตลอด

Update : Jan 13, 2010

HP เข้ามาเปลี่ยน Controller MSA 1500 ให้ก่อนเนื่องจาก LCD ดับไป ผลคือ ESX หลุด แต่หลังจาก Restart กลับมา Performance สูงขึ้นมาก ก่อนหน้านี้ไม่สามารถ Save ได้ก็ทำได้แล้ว

วิธีป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์

ปัจจุบัน ปัญหาที่ผมเจอบ่อยที่สุดสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์คือปัญหาไวรัส ทั้งที่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีก่อนปัญหาเรื่องไวรัสแทบจะหมดไปแล้ว ผมว่าที่ไวรัสกลับมาเนื่องจากการใช้งาน Internet และการใช้ Flash Drive ได้แพร่หลายอย่างมากในช่วงนี้ ซึ่งอาจจะมีบ้างที่ติดจากเครื่องใน network แต่นั่นก็เป็นปัญหาระดับองค์กร

วิธีป้องกันตัวจาก virus ง่าย ๆ

  1. ต้อง update windows สม่ำเสมอ ทาง microsoft ได้ออก patch แก้ไขช่องโหว่ที่โดนโจมตีได้เป็นระยะ อยู่แล้ว อย่างน้อยควร update อาทิตย์ละครั้ง หรือทุกวันเลยก็ดี สำหรับคนที่ไม่มี internet หรือใช้ windows ละเมิดลิขสิทธิ์ ความเสี่ยงของคุณก็สูงกว่าเพราะไม่ได้ update windows
  2. ใช้ Anti-Virus รุ่นล่าสุดไม่ว่าคุณจะใช้ที่แจกฟรีเช่น microsoft หรือที่ไม่ฟรีเช่น trendmico, symantec, kaspersky คุณต้องใช้รุ่นล่าสุดเสมอ ไม่แนะนำให้ละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าไม่อยากเสียเงินคุณควรจะใช้ที่ฟรี รุ่นล่าสุดหมายถึง version ของ software ไม่ใช่ virus signature เพราะ Anti-virus รุ่นใหม่ ๆ จะพัฒนาวิธีตรวจจับไวรัสให้ดีขึ้นและใช้ทรัพยากรเครื่องน้อยลง และต้อง update virus signature สม่ำเสมอ วันละครั้งหรือ 2-3 วันครั้ง ผมเห็น anti-virus ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มักเป็น version เก่า ๆ ราคาของ anti-virus ก็ไม่ได้แพงมาก ปีละ 400-800 บาทโดยประมาณ
  3. ปิด System Restore ก่อน scan ไวรัส มีไวรัสจำนวนมากที่ฝังตัวอยู่ที่ system restore เพราะ anti-virus เข้าไปจัดการใน system restore ไม่ได้ ทำให้หลังจากลบไวรัสออกไปจาก drive ปกติแล้ว ไวรัสก็ยังกลับมาอีก หลังจาก scan ไวรัสเสร็จก็ค่อยเปิด system restore เหมือนเดิม
  4. ถ้าคุณทำตามข้อ 1-3 ได้ เครื่องคุณก็ปลอดภัยมากแล้ว พฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของคุณเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงลงได้บ้าง แต่ถึงอย่างไรคุณก็ต้องทำตามข้อ 1-3 เพราะบ่อยครั้งที่เราก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
    • เข้าเว็บที่ติดไวรัส เราไม่รู้หรอกว่าวันดีคืนดี webserver ที่เราเข้าไปทุกวันติดไวรัสทำให้เครื่องเราโดนไวรัสด้วย
    • เว็บที่เข้าไปปล่อยไวรัส บางครั้งหาข้อมูลจาก google อาจจะไปเจอเว็บที่ปล่อยไวรัสก็ได้
    • โหลดไฟล์ที่มีไวรัสจาก internet
    • Flash Drive อาจจะติดไวรัสมาจากเครื่องคนอื่น สิ่งหนึ่งที่ผมขำประจำก็คือเวลาใครยืม Flash Drive ไปแล้วผมมา scan เจอไวรัส เค้าจะต้องบอกว่า scan แล้วไม่มีไวรัส การที่เรา scan ว่าไม่มีไวรัสแปลได้ 2 อย่างคือ มันไม่มีไวรัสหรือมันมีไวรัสที่ anti-virus ของเราไม่รู้จัก

จากประสบการณ์ของผมไม่ว่าคุณจะใช้ Anti-virus ยี่ห้ออะไรผมว่าคุณภาพพอ ๆ กัน ผมเลือกใช้ kaspersky เป็นหลักเพราะผมว่า kaspersky ค่อนข้างโหดคือเจอไวรัสจะลบทิ้งเลย ซึ่งเหมาะกับ notebook ผมเพราะต้องเอาไปเสียบ network ลูกค้าหลาย ๆ รายความเสี่ยงสูงมาก แล้วต้องเข้าเว็บที่ไม่รู้จักเยอะ แต่ผมก็เคยโดน kaspersky ลบ system files จนต้องลง windows ใหม่เหมือนกัน Anti-virus บางยี่ห้อจะไม่ลบไฟล์ไวรัสออกไปแต่จะเก็บไฟล์ไว้จนกว่าจะพบวิธีที่จะ clean virus ออกจากไฟล์ หรือมั่นใจว่าไฟล์นั้นคือไฟล์ไวรัสที่ไม่มีข้อมูลสำคัญจึงค่อยลบ

สรุป : สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการป้องกันไวรัสคือใช้ software ลิขสิทธิ์ update patch สม่ำเสมอ โอกาสติดไวรัสของคุณก็แทบจะไม่มีแล้วครับ